2 yrs - Translate

[เล่าสู่กันฟัง] 10 พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
สมาร์ทโฟนอุปกรณ์สำคัญที่หลายคนต้องพกติดตัว เมื่อใดที่ว่างต้องหยิบมาเช็ค มาเล่น หรือหยิบมาดูความเคลื่อนไหวโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทว่าอย่าลืมคำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นด้วยแน่นอนว่ามีข้อดีย่อมต้องมีข้อเสีย และอาจส่งผลร้ายถึงชีวิตด้วย บางคนเมื่อได้อ่านจึงคิดว่าเหตุใดทำไมถึงร้ายแรงขนาดนั้น อุปทานเองหรือไม่ ประเมินพฤติกรรมเหล่านี้และจากเหตุการณ์ข่าวต่างๆ ที่ถูกนำเสนอ คุณกำลังทำพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่หรือไม่ ?
1. เซลฟี่ : เป็นเทรนด์ยอดฮิตของการถ่ายภาพในช่วงเวลานี้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรต่อต้องแช๊ะภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกเสียหน่อย แต่อย่าลืมถึงความอันตรายทั้งหลาย เช่น ...
วินาทีที่จดจ่ออยู่กับกล้อง ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น ผู้คนมักชื่นชอบการถ่ายภาพกับวิวสวยๆ จึงนิยมหามุมงามเพื่อให้สมบูรณ์ที่สุดแต่ในความสวยงามเหล่านั้นก็มีอันตรายซ่อนอยู่ จำพวก หน้าผา โขดหิน พื้นที่ที่ไม่เหมาะแก่การยืนหรือเดิน จึงมักพบข่าวคราวลื่นตก ทรัพย์สินเสียหายต่างๆ นานา
การเซลฟี่ควรถ่ายให้เหมาะสมไม่รบกวนผู้อื่น และประเมินถึงความอันตรายที่สามารถเกิดขึ้น เพราะก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เช่น สถานที่ที่เหมาะสมหรือไม่ พื้นที่ที่เรายืนหรือนั่งอยู่มีความมั่นคงแข็งแรงแค่ไหน เปียกลื่นอะไรหรือไม่
2. บนท้องถนน เดินขึ้นลงรถเมล์ บนรถไฟฟ้า : อย่างที่เกริ่นข้างต้นไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนผู้คนมักหยิบมาเช็คข้อมูลความเคลื่อนไหวต่างๆ เช่นเดียวกันทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ มีกรณีศึกษาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วเมื่อใช้งานสมาร์ทโฟนขณะขับรถยนต์ หรือกำลังเดินขึ้นลงรถเมล์อาจเกิดอันตราย เช่น ก้าวผิดบ้าง หรือไม่ได้มองรถที่ขับสวนทางมา เพียงสองสาเหตุนี้ก็ทำให้เจ็บตัวได้ หรือบนสถานีรถไฟฟ้าหลายคนมักก้มหน้ามองสมาร์ทโฟนแต่ไม่ได้มองผู้คนบนรถไฟฟ้าว่ายืนบังทางคุณอยู่หรือไม่หรือแม้แต่ว่ากำลังเล่นบางคนอาจไม่ได้มีสติจนส่งผลให้ไม่ได้ยินเสียงเตือนกำลังปิดและเดินไปอย่างมั่นใจสุดท้ายคือประตูหนีบและเจ็บตัวไปโดยปริยาย
3. แน่ใจว่ากำลังเดินอยู่คนเดียว : สืบเนื่องจากข้อสองถ้าออกนอกบ้านข้าวของประจำตัวที่ทุกคนพกพาไปด้วยลำดับแรกคือสมาร์ทโฟนเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารหรือกิจกรรมต่างๆ และก็กลายเป็นพฤติกรรมคุ้นเคยและเห็นได้ทั่วไป บางคนเดินอยู่บนฟุตบาทหรือตามซอย ตามเส้นทางมักหยิบสมาร์ทโฟนออกมาก้มหน้าก้มตาเล่น บางครั้งก็เดินชนโน่นนี่เจ็บตัวกันไป แต่ยุคนี้ตามที่เราเห็นในข่าวคราวมีการปล้นชิงสมาร์ทโฟนกันอยู่เสมอ ดังนั้นหยุดคิดหยุดสักนิด ถ้าคิดจะเล่นจริงๆ อย่าลืมมองหน้ามองหลังบ้างรวมถึงรอบตัว อย่าใจจดใจจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะภัยรอบตัวมีอยู่ทุกที่
4. กันนํ้าจริง แต่ไม่กันไฟดูด : กลายเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของสมาร์ทโฟนเพื่อให้ผู้ใช้หมดความกังวลเกี่ยวกับอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนํ้า หรือลักษณะการใช้งานตามที่โฆษณาสามารถใช้งานใต้นํ้าได้เหมือนฉีกกฏการใช้งานเดิมๆ ทว่ารู้หรือไม่แม้มีมาตรฐาน แต่ใช่ว่าสามารถใช้ได้ทุกรูปแบบ เพราะจะมีเรื่อง อุณหภูมินํ้าเข้ามาเกี่ยวข้องบางคนอาจลืมเปิดนํ้าร้อนทั้งทั้งที่ถือสมาร์ทโฟนอยู่อาจมีพังได้เหมือนกัน บ้างก็วางไว้ใกล้ๆ หากกำลังถูสบู่อยู่แต่เมื่อมีแชทเข้ามาหยิบขึ้นมาดูสุดท้ายคือหลุดมือ....พังกันไปเลย
พฤติกรรมที่สุดแสนอันตรายคือ ความประมาทขณะเล่นสมาร์ทโฟน บางคนนำไปชาร์จแบตฯ และลืมไปว่าตัวเครื่องเปียกเช่นเดียวกับมือกับร่างกายของตนเองจนโดนไฟช็อต..มีข่าวให้เห็นแล้ว แน่นอนว่ากันนํ้าจริงแต่ไม่กันไฟดูด
5. ปล่อยลูกหลานไว้กับสมาร์ทโฟน : อีกหนึ่งวิธีที่ผู้ปกครองสมัยใหม่นิยมไว้ใช้เลี้ยงดูลูกหลานวัยเด็กซึ่งจะทำให้พวกเขานิ่งเงียบสงบ ไม่ซนอยู่กับที่ ทำให้ผู้ปกครองอย่างเรามีเวลาไปทำอย่างอื่นได้สบาย โดยหารู้ไม่ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะก็มีงานวิจัยหลายชิ้นบ่งบอกว่าเด็กอยู่กับเครื่องโทรศัพท์มือถือนานไปไม่ดีมีผลเสียต่อพัฒนาการและสุขภาพจิตอีกทั้งยังขโมยเวลาอันมีค่าที่พวกเขาจะได้อยู่กับผู้ปกครอง ส่วนผู้ปกครองมีเวลาน้อยลงแทนที่จะได้ใช้เต็มเวลาในช่วงที่พวกเขากำลังน่ารัก
สมาร์ทโฟนสามารถเป็นเพื่อนเล่นของเด็กๆ ได้ แต่ไม่ควรใช้งานเป็นเวลานาน ช่วงเวลาสำคัญของเด็กๆ คือการอยู่กับผู้ปกครองเช่นเรา ใกล้ชิดพวกเขา อยู่กับพวกเขา เลี้ยงดูพวกเขา อย่าให้พวกเขามาเสียเวลากับอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตของเขาในช่วงเวลานั้น
6. จะโพสต์หรือ Live อะไรไตร่ตรองให้ดีก่อน : ในปัจจุบันมีกฏหมายรองรับหลายอย่าง แปลว่าไม่อิสระเหมือนที่เคย ดังนั้นจะทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพราะอาจเข้าโรงพักไม่รู้ตัว นอกจากนี้หลายคนมักใช้สื่อโซเชียลในการระบายความในใจ อวดภาพ โฆษณา บ่งบอกเรื่องราวกิจวัตรต่างๆ บ้างก็ดีแต่บ้างก็ล่อแหล่ม
รู้หรือไม่ทุกคนมีสิทธ์โพสต์ แต่ผู้อื่นที่จะนำไปใช้ต่อเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาจะเอาไปทำอะไร เพราะทุกอย่างบนโลกออนไลน์ไม่มีใครควบคู่คุมได้ แพร่กระจายรวดเร็วและตรวจสอบได้ยาก ดังนั้นถ้าจะให้ดีและถูกต้องคงต้องถามตัวเองว่าอะไรที่จะโพสต์จะลงนั้นเหมาะสมและยอมรับได้หรือไม่ ยกตัวอย่าง โพสต์ภาพเซ็กซี่ๆ สักรูปหนึ่ง บางทีเราต้องการเพื่อเก็บความทรงจำหรืออะไรก็ตามแต่ ทว่าบนโลกโซเชียลมีหลายคนที่มีความต้องการแตกต่างกันไปและสามารถนำรูปไปใช้งานได้
7. ภัยคุมคามบนโลกออนไลน์ : หลายคนเชื่อว่าตัวเองยังไงก็ไม่สามารถตกเป็นเหยื่อได้จึงทำให้ชะล่าใจ ไม่เรียนรู้และก็ติดตามข่าวสารรวมถึงติดตั้งโซลูชั่นความปลอดภัยต่างๆ บนสมาร์ทโฟน อย่าลืมว่าปัจจุบันการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ หรือการทำกิจกรรมทั้งหลายล้วนก็มีสมาร์ทโฟนเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วเหตุใดทุกคนจึงไม่ตระหนัก เพราะถ้าติดตามข่าวสารจะเห็นว่าทุกช่องทางมีหลากหลายรูปแบบ โดยระดับประเทศก็เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าระดับประเทศจะมีความปลอดภัยแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้น และจะนับประสาอะไรกับคนธรรมดา
สิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่าเข้าเว็บไซต์อะไรที่ไม่คุ้นเคยก่อนคลิกลิงค์ใดควรดู URL ทุกครั้ง เฉกเช่นเดียวกับพวกแอปพลิเคชั่นหากจะดาวน์โหลดให้ตรวจสอบผู้พัฒนาและ Feedback ทั้งหลาย และติดตามข่าวสารสมํ่าเสมอเพื่อป้องกันได้อย่างทันท่วงที เนื่องจากเทคโนโลยีเติบโตไม่หยุด เหล่าภัยร้ายจาก มัลแวร์และไวรัสก็เช่นกัน
8. ปวดคอบ้างหรือเปล่า ถามใจตัวเองดู : อีกหนึ่งอาการที่มาคู่กับการเล่นสมาร์ทโฟน โดยทุกคนต้องก้มคอลงมาเล่นน้อย ดังนั้นกระดูกต้นคอจึงต้องแบกรับนํ้าหนักเกิดแรงกดทับส่งผลต่อส่วนต่างๆ ของร่างการ เช่น กล้ามเนื้อบ่า ไหล่ กระดูกสันหลัง ปวดหัว ปวดแขน มือชาได้ และสุดท้ายผลเสียที่ร้ายแรงหากยังใช้งานในลักษณะก้มคอเป็นเวลานานติดต่อกันโดยไม่พักและบ่อยอาจเกิดโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมก่อนวัยอันควรเพียงเพราะเล่นสมาร์ทโฟนแบบไม่ถูกวิธี
9. นอนหลับดีไหมตื่นเช้ามารู้สึกปวดตาหรือตาแห้งแปลกๆ ไหม : พฤติกรรมยอดฮิตทั้งหลาย ถ้าไม่พูดถึงการเล่นสมาร์ทโฟนก่อนนอนอาจดูไม่ถูกต้อง เพราะมีผลการวิจัยรองรับแล้วว่าถ้าใครเล่นและมีแสงสว่างที่ไม่เพียงพอรวมถึงเล่นกันติดเป็นเวลานานก่อนช่วงเวลาเข้านอนจะทำให้ร่างกายไม่เป็กปกติ เสียสมดุลได้ ส่งผลให้นอนไม่หลับรู้สึกพักผ่อนไม่เต็มอิ่ม รวมถึงดวงตาจะมีอาการปวดเมื่อตื่นนอนเช่นเดียวกับตาแห้งพร่ามั่วในบ้างครั้งเวลาตื่น จงตระหนักให้ขึ้นใจว่าดวงตาไม่สามารถรักษาได้เหมือนส่วนอื่นๆ ของร่างกาย มีเพียงสองดวงจงรักษาให้อยู่นาน เพราะการมองเห็นอะไรต่างๆ มันมีความสุขกว่าเยอะ แค่ใช้สมาร์ทโฟนอย่างไม่ถูกวิธีมันไม่คุ้มกัน!
หากจะเล่นเล่นได้แต่ควรเล่นอย่างมีลิมิต เวลาพักผ่อนก็ควรพักให้เต็มที่เพราะสายตาใช้งานมาตลอดทั้งวันแล้ว อย่าใช้งานดวงตาหนักจนเกินไป จนต้องเสียทรัพย์ใส่แว่น หรือดวงตาอักเสบ หรือเกิดโรคแทรกซ้อนจากแสงสีฟ้าและพักผ่อนไม่เพียงพอ
10. Nomophobia โรคของคนรุ่นใหม่ : สำรวจตนเองว่าคุณอยู่ในกลุ่มนี้หรือไม่ เพราะทางการแพทย์ถือว่าเป็นจิตเวชชนิดหนึ่ง ทำไมถึงบอกว่าเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่ง เนื่องจากพฤติกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ เมื่อมีแจ้งเตือนเข้ามาจากนั้นทุกคนก็ต้องหยิบขึ้นมาดูทันทีว่ามีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหลายคนอาจบอกว่ามันก็ไม่แปลกนี่ แต่ไม่ใช่กับทุกการแจ้งเตือน ทุกช่วงเวลา ทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องหยิบขึ้นมาดูให้ได้ นั่นถือเป็นความวิตกกังวลชนิดหนึ่งเพราะต้องอยากรู้ให้ชัดเจน ทั้งถ้าสมาร์ทโฟนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพียงแค่ไปทำอะไรเล็กน้อยก็มีตความรู้สึกไมาสบายใจ เป็นต้น
จากที่อ่านข้างต้นหลายคนอาจคิดว่าผู้เขียนวิตกกังวลไปเองหรือเปล่าแต่จากหน้าสื่อข่าวทั้งหลายก็มีปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อยทั้งเปิดเผยสู่สาธารณะและไม่เปิดเผย เช่น เสียชีวิต เสียทรัพย์สินทั้งตนเองรวมถึงคนรอบข้าง ดังนั้นนี่จึงไม่ได้้คิดไปเองทว่าต้องการเตือนสติของทุกคนว่าสมาร์ทโฟนมีข้อดีจริง แต่ควรใช้งานอย่างถูกวิธีและรอบคอบ ตั้งมั่นบนความไม่ประมาท มีสติทุกครั้ง มิเช่นนั้นอาจเสียใจไปตลอดชีวิตและไม่อาจลืมได้ไม่ว่าเวลาไหนหากเป็นเรืองเกี่ยวกับชีวิต...

สำคัญที่สุดคือใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และพอดี ไม่เดือดร้อนผู้อื่น เพื่อความปลอดภัยและก็ไม่ต้องเสียทรัพย์โดยใช่เหตุ ทั้งยังช่วยสร้างสัมคมที่ดีขึ้นด้วย

CR. https://news.siamphone.com/news-29526.html

image

เพิ่ม Says ในหน้าจอหลัก