ระวัง❗ชามือ ชาเท้า สัญญาณเตือนของสมองและระบบประสาทที่ผิดปกติ🚨
📍อาการชาที่ผิดปกติและควรรีบไปพบแพทย์
👉ชาครึ่งซีก
หากอยู่ดี ๆ เรามีอาการขึ้นมาแบบครึ่งซีกของร่างกาย อันนี้ไม่ดีแน่ ๆ ค่ะ เพราะอาการชาครึ่งซีก เป็นสัญญาณอันตราย ว่าอาจจะมีสาเหตุมาจากในสมอง เพราะสมองของเรารับรู้และส่งสัญญาณประสาทควบคุมร่างกายแบบครึ่งซีก เช่นสมองด้านซ้ายคุมร่างกายด้านขวา สมองด้านขวาคุมร่างกายด้านซ้าย โดยลักษณะอาการชาครึ่งซีกอาจจะเป็นได้ตั้งแต่ ชาหน้าและแขนข้างเดียวกัน ชาแขนและขาข้างเดียว หรือ ชาทั้งหน้าแขนขาลำตัวข้างเดียวกันก็ได้ค่ะ ซึ่งหากอาการชาครึ่งซีกเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคเส้นเลือดสมองตีบหรือแตกเฉียบพลันได้ แต่ถ้าหากอาการเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ก็อาจจะต้องระวังความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เนื้องอกในสมอง
👉ชาแขนลงไปถึงนิ้วมือ ชาขาลงไปถึงนิ้วโป้งเท้า หรือชาตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงขา
อาจมีสาเหตุจากถูกกดทับบริเวณเส้นประสาท อาจเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปกดทับ หรืออาจเป็นลักษณะของกระดูกเสื่อมกดทับเส้นประสาทในคนสูงอายุ ซึ่งอาการก็จะขึ้นกับตำแหน่ง ถ้าเป็นที่กระดูกต้นคอก็จะปวดต้นคอ ชาแขนลงไปถึงนิ้วมือ หากเป็นที่กระดูกหลังล่างก็จะปวดหลังและชาไปถึงขาและนิ้วโป้งเท้าได้เลย หรือถ้าหากใครมีอาการชาตั้งแต่สะโพกลงไปถึงขาก็อาจจะต้องระวังกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (Piriformis syndrome) หรือที่เรียกว่า สลักเพชร นั่นเอง ซึ่งนอกจากอาการชาตื้อ ๆ หนา ๆ แล้ว อาจจะมีอาการปวดแปลบ ๆ เหมือนไฟช็อต วิ่งจากหลังและสะโพกลงไปถึงขาได้ด้วยค่ะ หากมีอาการชาแบบนี้ ควรไปพบแพทย์และรักษาอย่างถูกต้อง หากปล่อยให้เส้นประสาทถูกกดทับนาน ๆ อาจจะมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้
👉ชาที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วโป้ง
ถ้ามีอาการชาที่นิ้วมืออย่างเดียว โดยที่อาการชาไม่เลยข้อมือขึ้นมา ส่วนใหญ่เป็นอาการของพังผืดข้อมือรัดเส้นประสาท (Carpal tunnel syndrome) ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นข้างเดียว มักจะเกิดจากการใช้งานของข้อมือที่มากเกินไป ท่าที่มักทำให้เกิดอาการเช่น ทำกับข้าว บิดผ้า ใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ด ท่าบิดมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น ซึ่งจะมีลักษณะเด่นคือจะชามากสุดที่นิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลาง (อาจจะมาถึงนิ้วนางด้านใน) แต่จะไม่ชานิ้วก้อย และอาจจะมีอาการปวดแสบร้อน เหมือนถูกไฟช็อต โดยเฉพาะตอนกลางคืนได้ อาการนี้ไม่อันตรายแต่อาจจะรำคาญ และใช้งานมือลำบาก แต่ถ้าหากเป็นบ่อยขึ้นก็ควรไปพบแพทย์ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ อาจจะทำให้นิ้วมืออ่อนแรงได้
👉ชาปลายมือและปลายเท้าเข้าหาลำตัวทั้ง 2 ข้าง
ถ้าเป็นอาการชาทั้ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน มักจะเกิดจากสภาวะหรือโรคบางอย่างที่ทำให้เกิดเส้นประสาทอักเสบ ที่พบได้บ่อยที่สุด คือโรคปลายประสาทอักเสบจากเบาหวาน ไทรอยด์ต่ำ และอาจจะเกิดสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายบางชนิด ได้แก่ วิตามิน B1, วิตามิน B6 และ วิตามิน B12 ซึ่งลักษณะอาการชา มักจะเกิดจากส่วนปลายแล้วค่อย ๆ ขยายเข้าหาลำตัว เหมือนเราใส่ถุงมือถุงเท้า (glove-stocking pattern) อาการชาตามปลายมือและปลายเท้า นอกจากช่วยบอกสัญญาณเตือนการผิดปกติของระบบประสาทแล้ว ยังบ่งบอกถึงโรคต่างๆ ได้ หรือบ่งบอกว่าร่างกายอาจกำลังขาดสารอาหาร
👉ชาและเจ็บตามมือและนิ้วมือ
มักมีอาการชาร่วมกับอาการเจ็บตามบริเวณกระดูกและข้อต่างๆ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของรูมาตอยด์ กระดูกข้อมือเสื่อม หรือโรคเกาต์ได้ หากมีอาการเรื้อรัง ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการปวด อาจมีความทรมานมากจนอาจส่งผลต่อการใช้งานได้
📍สาเหตุของอาการชาที่กล่าวข้างต้นนั้นมาจากความผิดปกติภายในระบบร่างกาย แต่การใช้ชีวิตประจำวันที่ละเลย เช่น การนั่งผิดท่าเป็นระยะเวลานาน การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ชามือ ชาเท้า หรือส่วนต่าง ๆ ได้
⬇️หากมีอาการ อย่าปล่อยไว้ ⬇️
🚨แนะนำให้มาเช็คอาการนี้กับคุณหมอกันเยอะๆนะคะ
แวะมาดูแลร่างกายที่ 💚 Gwellness จีเวลเนส สาขาบิ๊กซีราชดำริ
*** ยินดีให้คำปรึกษา พร้อมดูแลทุกอาการเจ็บปวด***
----------------------------------------
💚 Gwellness จีเวลเนส สาขาบิ๊กซีราชดำริ
📍บิ๊กซี ราชดำริ (Big C สาขาราชดำริ) ชั้น 4 ใกล้กับ MK Restaurant
พิกัด Google Map>> https://maps.app.goo.gl/ACmNqvgb6ygcMXBAA
☎️ โทร 095 903 5222
#gwellnessclinic #gwellness #คลินิกแพทย์แผนไทย #คลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์ #officesyndrome #นวดรักษา #ออฟิศซินโดรม #นวดเชิงระบบ #ปวดคอ #ปวดตา #เครียด #ไมเกรน #ปวดหัว #ปวดศรีษะ #ปวดหลัง #ปวดบ่า #ปวดไหล่ #gwell #ให้ฉันช่วยไหม #review #บอกต่อ #โปรราคาดี #พอกตารักษาไมเกรน